สูตรการทำ “ไข่เค็ม” ไข่แดงมันเยิ้ม! ทำง่ายได้ที่บ้าน ทำกินได้ที่บ้าน
สูตรการทำ ไข่เค็ม ทำง่ายได้ที่บ้าน
ถึงแม้ว่าไข่เค็มจะสามารถหาซื้อมากินได้ง่าย ๆ แต่หากวันหนึ่งวันใดคุณเกิดได้รับไข่เป็ดสด ๆ จากฟาร์มจำนวนมากมาเป็นของฝาก แล้วไม่รู้จะนำไปทำเป็นเมนูอะไรได้อีก นอกจากต้ม เจียว ตุ๋น ทอด หรือคุณอยากจะวัดฝีมือความเป็นพ่อบ้านแม่บ้านด้วยการทำไข่เค็มกินเองล่ะก็
วันนี้เราก็มีวิธีทำไข่เค็มเองแบบง่าย ๆ มาฝาก เป็นสูตรไข่เค็มดองในน้ำเกลือ แค่เพียง 1-2 อาทิตย์ ก็ได้ไข่เค็มฝีมือตัวเองไว้กินแล้ว ถ้าอยากรู้แล้วว่า ไข่เค็มทำเองนี้จะมีวิธีการอย่างไร มาดูกันเลยจ้า
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ไข่เป็ดดิบ 10 ฟอง
- ภาชนะสำหรับดองไข่ (เลือกภาขนะที่ไม่ทำปฏิกิริยากับเกลือ เช่น โหลแก้ว แก้วพลาสติก กะละมัง หรือเครื่องเคลือบดินเผา)
- เกลือ 1 ถ้วย
- น้ำสำหรับต้มน้ำเกลือ 4 ถ้วย (หรือ 1 ลิตร)
วิธีทำไข่เค็ม
- ล้างไข่เป็ดให้สะอาด สะเด็ดน้ำจนแห้งสนิท ใส่ลงในโหลแก้ว เตรียมไว้
- ทำน้ำเกลือสำหรับดองไข่ โดยใส่เกลือกับน้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด และคนให้เกลือละลายจนหมด ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
- เทน้ำเกลือที่เย็นแล้วลงในโหลไข่จนท่วมไข่ จากนั้นใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำวางทับลงไปให้ไข่เป็ดจมอยู่ใต้น้ำ ตลอดเวลา ปิดฝาให้สนิท เก็บไว้ในที่ร่ม นานประมาณ 2-3 อาทิตย์
- สำหรับทำไข่ดาว เก็บไว้นานประมาณ 2 อาทิตย์ สำหรับทำไข่ต้ม เก็บไว้นานประมาณ 3 อาทิตย์
ทำอย่างไรให้ไข่แดงเค็มเป็นน้ำมัน ?
หลายคนชอบกินไข่เค็มที่มีไข่แดงเป็นน้ำมันเยิ้ม ๆ ออกมา เพราะทั้งมัน ทั้งอร่อย เทคนิคก็คือ หลังจากที่พักน้ำเกลือจนเย็นสนิทแล้ว ให้เติมเหล้าขาวลงไปในน้ำเกลือด้วยเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน แล้วเทใส่ลงในโหล จะทำให้ไข่แดงเค็มที่ได้ก็จะเป็นน้ำมันเยิ้ม ๆ น่ากินนั่นเองค่ะ
วิธีต้มไข่เค็มให้อร่อย
การที่จะต้มไข่เค็มให้อร่อยนั้น มีเคล็ดลับอยู่ที่ “สารส้ม” ทำได้โดยใส่น้ำลงในหม้อ ใส่สารส้ม 1 ก้อน หรือสารส้มป่นประมาณ 1/2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยไข่ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง ต้มจนเดือด นานประมาณ 8-10 นาที ก็จะได้ไข่เค็มต้มสุดอร่อยไว้กินแล้ว
วิธีเก็บไข่เค็มต้มให้ได้นานที่สุด
ไข่เค็มที่นำไปต้มแล้วสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานประมาณ 1 เดือน ส่วนวิธีการเก็บรักษาไข่เค็มต้มให้ได้นานที่สุด คือ ให้ใส่สารส้มลงไปแกว่งในน้ำที่ใช้ต้มไข่ด้วย นอกจากจะยืดอายุไข่เค็มได้แล้ว สารส้มจะทำให้สีของเปลือกไข่ และเนื้อไข่ขาวสวยขึ้นอีกด้วย
ขอบคุณที่มา: food.mthai.com , sharesod.com
รูปภาพจาก: ครัวบ้านพิมพ์
รูปภาพจาก: ครัวบ้านพิมพ์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น